Sapopas - สวนทรัพย์โอภาส

EM คืออะไร? ประโยชน์ วิธีใช้ และข้อควรรู้

ในวงการเกษตรอินทรีย์และการจัดการสิ่งแวดล้อม EM (อี เอ็ม) หรือ Effective Microorganisms ถือเป็นนวัตกรรมจุลินทรีย์ที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง เพราะสามารถช่วยปรับปรุงสภาพดิน บำบัดน้ำเสีย ลดกลิ่นเหม็น และส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืชและสัตว์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักว่า EM คืออะไร มีส่วนประกอบและคุณสมบัติอย่างไร รวมถึงวิธีใช้ให้เกิดผลสูงสุด

หัวข้อ

EM คืออะไร?

EM (อี เอ็ม) หรือ Effective Microorganisms คือกลุ่มของจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมและสิ่งมีชีวิต ประกอบด้วยจุลินทรีย์หลายชนิดที่อยู่ร่วมกันอย่างสมดุล เช่น

แบคทีเรียกรดแลกติก (Lactic Acid Bacteria) ช่วยยับยั้งเชื้อโรคและย่อยสลายอินทรียวัตถุ
ยีสต์ (Yeast) ช่วยสร้างวิตามิน กรดอะมิโน และสารกระตุ้นการเจริญเติบโต
แบคทีเรียสังเคราะห์แสง (Photosynthetic Bacteria) ช่วยตรึงไนโตรเจนและสร้างสารอาหารให้พืช
แอคติโนมัยซีท (Actinomycetes) ช่วยย่อยสลายสารอินทรีย์ที่ซับซ้อน

EM ถูกพัฒนาขึ้นครั้งแรกโดย ดร. เทรูโอะ ฮิหงะ (Dr. Teruo Higa) นักวิจัยชาวญี่ปุ่น และได้ถูกนำมาใช้ทั่วโลกทั้งในด้านเกษตรกรรม ปศุสัตว์ และสิ่งแวดล้อม

ประเภทของ EM

EM มีหลายรูปแบบและประเภท ซึ่งถูกพัฒนาเพื่อนำมาใช้ในสถานการณ์และวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน ซึ่งประเภทหลักๆ ของ EM ได้แก่

EM ขยาย : คือจุลินทรีย์ที่ขยายเพิ่มจำนวนจากหัวเชื้อ EM โดยใช้กากน้ำตาลและน้ำ ซึ่งสามารถนำไปใช้ในการเกษตร การบำบัดน้ำเสีย และอื่นๆ ได้
EM บอล : เป็นการผสม EM เข้ากับดินเหนียวหรือวัสดุอื่นๆ เพื่อใช้ในกระบวนการบำบัดน้ำเสีย โดย EM บอลจะค่อยๆ ปล่อยจุลินทรีย์ออกมาทำความสะอาดน้ำและพื้นดิน

คุณสมบัติเด่นของ EM

ฟื้นฟูและปรับปรุงคุณภาพดิน – เพิ่มจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์และช่วยย่อยสลายอินทรียวัตถุ
บำบัดน้ำเสียและลดกลิ่นเหม็น – จุลินทรีย์ใน EM ช่วยย่อยสลายสารอินทรีย์และลดการเกิดก๊าซที่มีกลิ่นรุนแรง
กระตุ้นการเจริญเติบโตของพืช – ผลิตฮอร์โมนพืชและสารอาหารที่พืชดูดซึมได้ง่าย
เสริมสุขภาพสัตว์เลี้ยงและสัตว์เศรษฐกิจ – ช่วยปรับสมดุลระบบย่อยอาหาร

ประโยชน์ของ EM

1. การเกษตร

EM ถูกนำมาใช้ในด้านการเกษตรอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะในการเกษตรอินทรีย์ เนื่องจากสามารถช่วยเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดิน ลดการใช้สารเคมี และส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืช จุลินทรีย์ใน EM ช่วยย่อยสลายวัตถุอินทรีย์ให้เป็นปุ๋ยและทำให้ดินมีโครงสร้างที่ดีขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยลดการเจริญเติบโตของเชื้อโรคในดิน ทำให้พืชแข็งแรงและมีผลผลิตที่ดีขึ้น

2. การเลี้ยงสัตว์

EM ถูกนำมาใช้ในการเลี้ยงสัตว์เพื่อปรับปรุงสุขภาพสัตว์และลดกลิ่นไม่พึงประสงค์จากมูลสัตว์ โดยจุลินทรีย์ใน EM จะช่วยย่อยอาหารในระบบทางเดินอาหารของสัตว์ ทำให้การดูดซึมสารอาหารมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยลดการเกิดโรคในระบบทางเดินอาหารและระบบหายใจของสัตว์เลี้ยง

3. การบำบัดน้ำเสีย

EM ถูกนำมาใช้ในการบำบัดน้ำเสียและปรับปรุงคุณภาพน้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติ เช่น บ่อน้ำเสีย น้ำทิ้งจากโรงงาน หรือแม้แต่ระบบบำบัดน้ำเสียในครัวเรือน โดยจุลินทรีย์ใน EM จะช่วยย่อยสลายสารอินทรีย์ที่เป็นอันตรายและช่วยลดกลิ่นไม่พึงประสงค์ ทำให้น้ำสะอาดขึ้นและกลับคืนสู่ธรรมชาติได้เร็วขึ้น

4. การจัดการขยะ

EM ถูกนำมาใช้ในการย่อยสลายขยะอินทรีย์ เช่น เศษอาหาร หญ้าใบไม้ หรือสิ่งปฏิกูลอื่นๆ ให้กลายเป็นปุ๋ยอินทรีย์ที่มีประโยชน์ การใช้ EM ในการทำปุ๋ยหมักสามารถเร่งกระบวนการย่อยสลายและลดกลิ่นเหม็นที่เกิดจากการหมักขยะได้อย่างมีประสิทธิภาพ

5. การทำความสะอาด

นอกจากการใช้ EM ในการเกษตรและบำบัดน้ำเสียแล้ว EM ยังถูกใช้ในครัวเรือนเพื่อทำความสะอาดพื้นผิวต่างๆ เช่น พื้นห้องน้ำ พื้นห้องครัว หรือสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ โดย EM จะช่วยกำจัดคราบสกปรกและลดการสะสมของเชื้อโรคในบ้านเรือน ทำให้สิ่งแวดล้อมสะอาดและปลอดภัยมากขึ้น

วิธีใช้ EM ให้ได้ผล

การใช้ในดินและพืช
- ผสม EM 1 ช้อนโต๊ะต่อน้ำ 1 ลิตร แล้วรดโคนต้นหรือพ่นทางใบทุก 7–10 วัน
การใช้ในปศุสัตว์
- ผสม EM ในอาหารสัตว์หรือราดในคอกเพื่อลดกลิ่นและควบคุมเชื้อโรค
การใช้บำบัดน้ำเสีย
- เท EM ลงในบ่อหรือน้ำเสียเพื่อย่อยสลายของเสียและลดกลิ่น
การหมัก EM รองพื้น
- ผสมกับกากน้ำตาลและน้ำหมักให้เจือจาง ก่อนนำไปใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ

ข้อควรรู้และข้อควรระวัง

ควรเก็บ EM ในที่ร่มและไม่โดนแสงแดดโดยตรง
ห้ามใช้ร่วมกับสารเคมีฆ่าเชื้อ เพราะจะทำให้จุลินทรีย์ตาย
ควรใช้ในปริมาณพอเหมาะเพื่อให้จุลินทรีย์ทำงานได้เต็มที่

สรุป

EM (อี เอ็ม) หรือ Effective Microorganisms เป็นกลุ่มจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์หลายชนิด ทำงานร่วมกันเพื่อฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมและเสริมการเจริญเติบโตของพืชและสัตว์ ด้วยคุณสมบัติครอบคลุมทั้งการเกษตร ปศุสัตว์ และบำบัดน้ำเสีย ทำให้ EM เป็นเครื่องมือสำคัญในการทำเกษตรอินทรีย์และการจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน