กล้วยหอม : สายพันธุ์ ประโยชน์ และการปลูก

closeup-shot-moss-plants-growing-tree-branch-forest (Website)

กล้วยหอม เป็นหนึ่งในผลไม้ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก ไม่เพียงแต่รสชาติหวานอร่อยเท่านั้น แต่ยังมีคุณค่าทางโภชนาการสูง ซึ่งช่วยส่งเสริมสุขภาพของผู้บริโภคอย่างมากมาย กล้วยหอมมีหลากหลายสายพันธุ์และสามารถปลูกได้ในภูมิอากาศร้อนชื้นทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศไทยที่สามารถพบได้ในทุกภูมิภาค บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับกล้วยหอมให้มากขึ้น รวมถึงคุณประโยชน์ ลักษณะทั่วไป และวิธีการปลูกและดูแลกล้วยหอมอย่างถูกต้อง

กล้วยหอม คืออะไร

กล้วยหอม เป็นไม้ล้มลุกชนิดหนึ่งที่มีหลากหลายสายพันธุ์ เช่น กล้วยหอมจันท์ กล้วยหอมทอง และกล้วยหอมเขียว หรือที่รู้จักกันดีในชื่อกล้วยหอมคาเวนดิช เป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยสารอาหารครบถ้วนตามหลักโภชนาการ เช่น วิตามิน ใยอาหารที่ช่วยในการขับถ่าย และสารแทนนิน ซึ่งช่วยยับยั้งการเจริญของจุลินทรีย์ Escherichia coli กล้วยหอมถูกจัดเป็นผลไม้เมืองร้อน สามารถปลูกได้ในทุกประเทศที่มีภูมิอากาศร้อนชื้น รวมถึงทุกภูมิภาคของประเทศไทย

ลักษณะทั่วไปของกล้วยหอม

ราก: รากกล้วยหอมเป็นแบบ adventitious root ที่แตกออกจากหน่อ ซึ่งหน่อจะแตกออกจากเหง้า รากมีความยาวได้มากกว่า 5 เมตร ลึกลงดินได้ถึง 5 – 7.5 เมตร

ลำต้น: มีลำต้นจริงเป็นหัวหรือเหง้าอยู่ใต้ดิน และมีลำต้นที่อยู่เหนือดินสูง 2.5 – 3.5 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลางมากกว่า 20 เซนติเมตร กาบลำต้นด้านนอกมีประดำ ด้านในสีเขียวอ่อนและมีเส้นลายสีชมพู

ใบ: เป็นใบเดี่ยวแบบขนาน ก้านใบมีร่องค่อนข้างกว้างและมีปีก เส้นกลางใบสีเขียว ใบอาจยาวได้มากถึง 3 เมตร

ดอก/ปลี: ดอกหรือปลีจะแทงออกจากหยวกตรงกลางปลายยอด เมื่อแทงออกช่วงแรกจะตั้งตรง และค่อยๆโค้งงอลงด้านล่าง ด้านบนสีแดงอมม่วงมีไข ด้านในสีแดงซีด บรรจุน้ำข้างใน

ผล: กล้วยหอมติดผลเป็นเครือ เครือหนึ่งมี 4 – 6 หวี หวีหนึ่งมี 12 – 16 ผล กว้าง 3 – 4 เซนติเมตร ยาว 21 – 25 เซนติเมตร ปลายผลมีจุกเห็นชัด เปลือกบาง เมื่อสุกเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทองแต่ที่ปลายจุกจะมีสีเขียว เนื้อสีขาวขุ่น กลิ่นหอม รสหวานอุ่นฉ่ำ

การปลูกกล้วยหอม

การเตรียมดิน: ไถดะ 1 ครั้ง ตากดินแล้วไถพรวน 1-2 ครั้ง ให้ดินร่วนซุยจนหมดวัชพืช ถ้ายังมีวัชพืชอยู่มากกว่าร้อยละ 20 ต้องไถพรวนใหม่

การเตรียมหลุมปลูก: ระยะปลูกระหว่างแถวและต้น 2×2 เมตร ขนาดหลุมปลูก 30x30x30 เซนติเมตร รองก้นหลุมด้วยดินผสมปุ๋ยอินทรีย์ 5 กิโลกรัมต่อหลุม

การเตรียมพันธุ์และการปลูก: ใช้หน่อพันธุ์ที่สมบูรณ์ ปราศจากศัตรูพืช หน่อยาว 25-35 เซนติเมตร มีใบแคบ 2-3 ใบ วางหน่อพันธุ์ที่ก้นหลุม จัดวางให้ด้านที่ติดต้นแม่อยู่ในทิศทางเดียวกัน กลบดินและกดดินบริเวณโคนต้นให้แน่น คลุมดินด้วยฟางข้าวหรือหญ้าแห้ง และรดน้ำให้ชุ่ม

การปลูก: จำแนกการปลูกออกเป็น 4 แบบ:

  1. การปลูกโดยการไถยกร่อง ขนาดกว้างประมาณ 1 เมตร เหมาะสำหรับพื้นที่ลุ่ม
  2. การปลูกโดยการไถยกร่องแต่ปลูกกล้วยในร่อง เหมาะสำหรับพื้นที่ราบและมีความลาดเอียงเล็กน้อย
  3. การปลูกโดยไม่ยกร่อง เหมาะสำหรับพื้นที่ไร่ที่ไม่มีน้ำขังในฤดูฝน
  4. การปลูกโดยการขุดร่องน้ำ เหมาะสำหรับพื้นที่ลุ่มน้ำที่มีน้ำขังตลอดปี

การดูแลกล้วยหอม

การรดน้ำ: กล้วยต้องการน้ำสม่ำเสมอ ควรรดน้ำเมื่อดินแห้ง หากให้น้ำไม่เพียงพอจะทำให้ต้นกล้วยและผลผลิตไม่สมบูรณ์ หักล้มง่าย ระบบการให้น้ำแบ่งออกเป็น 4 แบบ ได้แก่ ระบบสปริงเกอร์ (ดีที่สุด), ระบบน้ำท่วมร่อง, ระบบน้ำหยด และใช้เรือรดน้ำ

การให้ปุ๋ย: ใส่ปุ๋ยครั้งที่ 1 และ 2 เมื่อกล้วยหอมอายุ 1 และ 3 เดือน ด้วยสูตร 20-10-10 หรือ 15-15-15 อัตรา 125-250 กรัมต่อต้นต่อครั้ง ใส่ปุ๋ยครั้งที่ 3 และ 4 เมื่ออายุ 5 และ 7 เดือน ด้วยสูตร 13-13-21 อัตรา 125-250 กรัมต่อต้นต่อครั้ง ใส่ปุ๋ยอินทรีย์ปีละ 1-2 ครั้ง

การแต่งหน่อ: หลังจากปลูกกล้วยประมาณ 5 เดือน ให้แต่งหน่อเพื่อให้ต้นแม่มีความสมบูรณ์

การค้ำยันต้น: ใช้ไม้ค้ำยันต้นกล้วยที่ออกปลีแล้ว เพื่อป้องกันลำต้นหักล้ม

การหุ้มเครือและตัดใบธง: หุ้มเครือหลังจากตัดปลีไม่เกิน 15 วัน เพื่อให้ผิวกล้วยสวยและป้องกันแมลงด้วยถุงพลาสติกสีฟ้า ส่วนการตัดใบธงให้ตัดเมื่อใบธงเริ่มหักก่อนที่จะเสียดสีกับผิวกล้วย

ประโยชน์ของกล้วยหอม

ประโยชน์ทางยา:

  • ผล: ขับปัสสาวะ ช่วยแก้โรคท้องเสีย สมานแผลในกระเพาะอาหาร กระตุ้นความผ่อนคลายและอารมณ์สดใส
  • ยางจากใบ: ห้ามเลือด
  • ราก: ต้มน้ำดื่มบรรเทาอาการปวดฟัน
  • เปลือก: ลดอาการคันหรือบวมจากยุงกัด ช่วยลดอาการซึมเศร้า และทำให้ผิวนุ่มชุ่มชื่น

ประโยชน์ในงานฝีมือและเกษตร:

  • ลำต้น: ใช้เป็นฐานกระทงหรือหั่นเลี้ยงสัตว์
  • ใบ: ใช้ห่ออาหาร
  • เปลือก: นำมาวางรอบโคนต้นกุหลาบเพื่อช่วยให้แตกกิ่งเร็วขึ้น

การส่งออกกล้วยหอม

ประเทศไทยส่งออกกล้วยหอมไปยังหลายประเทศ เช่น ฮ่องกง สิงคโปร์ ญี่ปุ่น เนเธอร์แลนด์ และสวิตเซอร์แลนด์

การปลูกและดูแลกล้วยหอมไม่เพียงแต่ช่วยให้ได้ผลผลิตที่ดี ยังช่วยให้มีรายได้เสริมจากการส่งออกกล้วยหอมอีกด้วย

สรุป

กล้วยหอม เป็นผลไม้ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงและได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย มีหลากหลายสายพันธุ์ เช่น กล้วยหอมจันท์ กล้วยหอมทอง และกล้วยหอมเขียวหรือคาเวนดิช กล้วยหอมอุดมไปด้วยวิตามิน ใยอาหาร และสารแทนนินที่ช่วยยับยั้งการเจริญของจุลินทรีย์บางชนิด นอกจากนี้ ยังสามารถปลูกได้ในทุกภูมิภาคของประเทศไทย

ลักษณะทั่วไปของกล้วยหอมประกอบด้วยรากลึก ลำต้นที่สูงและแข็งแรง ใบที่ยาว และผลที่มีเปลือกบางสีเหลืองทองเมื่อสุก การปลูกกล้วยหอมต้องการการเตรียมดินและการดูแลอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงการให้น้ำและปุ๋ยอย่างเหมาะสม

กล้วยหอมยังมีประโยชน์ทั้งในด้านการบริโภคและการใช้ประโยชน์จากส่วนต่าง ๆ ของต้น เช่น ผลดิบช่วยแก้โรคท้องเสีย ผลสุกกระตุ้นความผ่อนคลาย ยางกล้วยห้ามเลือด และรากใช้บรรเทาอาการปวดฟัน นอกจากนี้ กล้วยหอมยังสามารถส่งออกไปยังหลายประเทศ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแหล่งรายได้สำคัญของเกษตรกรไทย