3 เลขหลักบนประสอบปุ๋ย หลักไหนช่วยอะไรบ้าง?

closeup-shot-moss-plants-growing-tree-branch-forest (Website)

เมื่อเราซื้อปุ๋ยสำหรับพืช เรามักจะเห็นตัวเลขสามหลักที่ระบุอยู่บนถุงปุ๋ย ซึ่งเป็นตัวเลขที่บ่งบอกถึงสัดส่วนของแร่ธาตุสำคัญที่อยู่ในปุ๋ย ได้แก่ ไนโตรเจน (N) ฟอสฟอรัส (P) และโพแทสเซียม (K) ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการเจริญเติบโตและพัฒนาของพืชแต่ละชนิด มาดูกันว่าแร่ธาตุแต่ละชนิดนี้มีบทบาทอย่างไรบ้างในการช่วยให้พืชเจริญเติบโตอย่างแข็งแรง

1. ไนโตรเจน (N)

ไนโตรเจนเป็นธาตุอาหารที่สำคัญที่สุดในบรรดาแร่ธาตุทั้งสามชนิดนี้ มีบทบาทในการสร้างคลอโรฟิลล์ที่ใช้ในการสังเคราะห์แสง ซึ่งเป็นกระบวนการที่พืชใช้ในการสร้างอาหาร นอกจากนี้ไนโตรเจนยังช่วยในการเจริญเติบโตของลำต้น ใบ และการพัฒนาเซลล์ของพืชอีกด้วย

ประโยชน์ของไนโตรเจน

  1. ช่วยในการเจริญเติบโตของใบ: ไนโตรเจนเป็นธาตุที่ช่วยให้ใบพืชเจริญเติบโตอย่างเต็มที่ ทำให้ใบเขียวและใหญ่
  2. เพิ่มผลผลิต: การมีไนโตรเจนเพียงพอจะช่วยให้พืชมีผลผลิตที่สูงขึ้น
  3. เพิ่มการเจริญเติบโตทั่วไป: ไนโตรเจนเป็นส่วนประกอบสำคัญของโปรตีนและกรดนิวคลีอิก ซึ่งจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืช

2. ฟอสฟอรัส (P)

ฟอสฟอรัสเป็นธาตุที่สำคัญในการสร้างรากและดอกของพืช มีบทบาทในการสังเคราะห์และถ่ายโอนพลังงานในพืช ทำให้พืชสามารถใช้พลังงานที่ได้รับจากการสังเคราะห์แสงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ประโยชน์ของฟอสฟอรัส

  1. ช่วยในการเจริญเติบโตของราก: ฟอสฟอรัสช่วยเสริมสร้างรากให้แข็งแรงและยาวขึ้น ทำให้พืชดูดซึมสารอาหารได้ดีขึ้น
  2. ส่งเสริมการออกดอกและผล: ฟอสฟอรัสช่วยกระตุ้นการสร้างดอกและผล ทำให้พืชมีผลผลิตที่ดี
  3. เพิ่มความแข็งแรงของพืช: ฟอสฟอรัสช่วยในการเสริมสร้างโครงสร้างของเซลล์พืช ทำให้พืชแข็งแรงต่อสภาพแวดล้อมต่าง ๆ

3. โพแทสเซียม (K)

โพแทสเซียมมีบทบาทสำคัญในการควบคุมการทำงานของน้ำในพืช และการควบคุมการทำงานของเอ็นไซม์ที่เกี่ยวข้องกับการสังเคราะห์แสงและการสร้างพลังงาน โพแทสเซียมยังช่วยในการป้องกันการเกิดโรคและเพิ่มความต้านทานต่อสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม

ประโยชน์ของโพแทสเซียม

  1. ควบคุมการทำงานของน้ำในพืช: โพแทสเซียมช่วยในการควบคุมการเปิดปิดของสโทมาตา (ปากใบ) ทำให้พืชสามารถรักษาสมดุลของน้ำได้ดี
  2. เพิ่มความต้านทานต่อโรค: การมีโพแทสเซียมเพียงพอจะช่วยให้พืชมีความต้านทานต่อโรคและแมลง
  3. ส่งเสริมการเจริญเติบโตของผล: โพแทสเซียมช่วยในการสร้างและการเจริญเติบโตของผล ทำให้ผลผลิตมีคุณภาพดี

ตัวอย่างการอ่านเลข 3 หลักบนกระสอบปุ๋ย

เมื่อเราซื้อปุ๋ยสำหรับพืช เรามักจะเห็นตัวเลขสามหลักที่ระบุอยู่บนถุงปุ๋ย ตัวเลขเหล่านี้มีความหมายที่สำคัญ โดยจะบอกถึงสัดส่วนของแร่ธาตุหลักที่พืชนำไปใช้ประโยชน์ ได้แก่ ไนโตรเจน (N), ฟอสฟอรัส (P), และโพแทสเซียม (K) ตัวอย่างเช่น ปุ๋ยสูตร 12-24-12 หมายถึงอะไรบ้าง?

การอ่านตัวเลข 3 หลักบนกระสอบปุ๋ย

  • 12 ตัวแรก: หมายถึง ปริมาณไนโตรเจน (N) 12% ไนโตรเจนมีบทบาทในการเร่งการเจริญเติบโตของพืช สร้างใบและเพิ่มความเขียวให้แก่พืช
  • 24 ตัวถัดมา: หมายถึง ปริมาณฟอสฟอรัส (P) 24% ฟอสฟอรัสช่วยเร่งการแตกใบ การผสมเกสร และเพิ่มความแข็งแรงให้ลำต้น
  • 12 ตัวสุดท้าย: หมายถึง ปริมาณโพแทสเซียม (K) 12% โพแทสเซียมช่วยเพิ่มผลผลิต ขนาด น้ำหนัก และรสชาติของผลผลิต รวมถึงเพิ่มความหวาน

รวมแล้วปุ๋ยสูตร 12-24-12 มีเนื้อธาตุ 48 กิโลกรัมจากปุ๋ยน้ำหนัก 100 กิโลกรัม ส่วนอีก 52 กิโลกรัมที่เหลือเรียกว่า “สารตัวเติม” หรือ “ฟิลเลอร์” ซึ่งผู้ผลิตนิยมใช้ดินเหนียวหรือเม็ดทราย ผสมคลุกเคล้าให้เป็นเนื้อเดียวกัน

ประโยชน์ของสารตัวเติม

สารตัวเติมช่วยให้ปุ๋ยมีความสม่ำเสมอและสะดวกในการคำนวณอัตราการใส่ปุ๋ยต่อหน่วยพื้นที่ นอกจากนี้ การบรรจุในกระสอบขนาด 50 กิโลกรัมยังช่วยลดน้ำหนักในการขนย้าย ทำให้สะดวกต่อการใช้งานในสวนและในพื้นที่เกษตรกรรม

หลักการเลือกใช้ปุ๋ยเคมี

เพื่อให้การใช้ปุ๋ยเคมีมีประสิทธิภาพสูงสุดในการบำรุงพืช เกษตรกรควรเลือกใช้ปุ๋ยที่เหมาะสมกับความต้องการของพืชในแต่ละระยะการเจริญเติบโต

  1. ปุ๋ยสูตรตัวเลขตัวแรกมาก: เน้นบำรุงใบ กิ่ง และลำต้น เหมาะสำหรับพืชผักที่ต้องการการเจริญเติบโตของใบ เช่น 12-6-6
  2. ปุ๋ยสูตรตัวเลขตรงกลางมาก: เน้นบำรุงรากและการสร้างเซลล์พืช เหมาะสำหรับทุกชนิดพืช เช่น 12-24-12
  3. ปุ๋ยสูตรตัวเลขที่สามมาก: เน้นบำรุงผลหรือหัว เหมาะสำหรับพืชที่ต้องการผลผลิตสูง เช่น มันสำปะหลังและมันฝรั่ง เช่น 12-12-24

การเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสมในการใส่ปุ๋ย

การเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการใส่ปุ๋ยมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้พืชได้รับประโยชน์สูงสุดจากปุ๋ยที่ใช้:

  • ระยะต้นกล้า: ควรใส่ปุ๋ยที่มีตัวเลขอันแรกมากเพื่อเร่งการสร้างใบ กิ่ง และลำต้น
  • ระยะก่อนออกดอก ออกดอก และติดผล: ควรใส่ปุ๋ยที่มีตัวเลขตรงกลางและตัวเลขท้ายมากเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของรากและผลผลิต
  • ช่วงฤดูฝนตกชุก: ควรหลีกเลี่ยงการใส่ปุ๋ยเพราะอาจทำให้ปุ๋ยละลายชะไปกับน้ำ

บทสรุป

ในการบำรุงรักษาพืชด้วยปุ๋ยเคมี การเลือกใช้ปุ๋ยที่เหมาะสมและการใส่ปุ๋ยในช่วงเวลาที่ถูกต้องจะช่วยให้พืชเจริญเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ การเข้าใจตัวเลข 3 หลักบนกระสอบปุ๋ยและการใช้ปุ๋ยในเวลาที่เหมาะสมจะทำให้การบำรุงพืชเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและได้ผลผลิตที่ดี

ติดต่อเรา